ผู้ชายที่เลือกจะเป็นพ่ออยู่แต่บ้านกำลังให้คำจำกัดความใหม่ของคำว่า 'ความเป็นชาย' แก่เรา

[hellocat]

เราอาศัยอยู่ในโลกที่เวลาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และสิ่งต่างๆ รอบตัวเรากำลังพัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น สิ่งหนึ่งที่ฉันกำลังพูดถึงคือบทบาททางเพศและไดนามิกที่บทบาททางเพศแต่ละบทบาทกำหนดไว้ในปัจจุบัน

เพศได้กลายเป็นแนวคิดที่โปร่งแสงและไหลลื่นมากในอินเดียยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนรุ่นใหม่และคนเมืองที่รู้หนังสือ บรรดาผู้ที่เข้าใจแนวคิดเรื่องเพศก็เข้าใจดีว่าไม่มีบรรทัดฐานและกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และสามารถกำหนดบทบาทได้ตามความสะดวกของแต่ละคน

ผู้ชายจำนวนมากขึ้นกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อผู้หญิงในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการเป็นเชฟและพ่อครัวหรือกระทั่งเรียนรู้รูปแบบศิลปะ เช่น การเต้นคลาสสิก ผู้ชายก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และปล่อยให้ความเป็นชายได้สัมผัสกับจุดยืนหรือบทบาทที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจากบทบาททางเพศที่ลื่นไหลคือแนวคิดเรื่องพ่อที่อยู่บ้าน SAHD (อยู่ที่บ้านพ่อ) เป็นศูนย์รวมของแม่บ้าน ในขณะที่แม่ที่ทำงานอยู่ข้างนอกและกำลังจดจ่ออยู่กับอาชีพการงานของเธอ

ตอนนี้สำหรับผู้ที่คิดว่าแม่บ้านเป็นแนวคิดที่น่าเบื่อ ล้าสมัย และอ่อนแอ พวกเขาคิดผิดอย่างเห็นได้ชัดและฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับพวกเขา

แม่ของฉันเป็นแม่บ้านและเธอทำงานค่อนข้างจริงจัง เนื่องจากพ่อของฉันส่วนใหญ่ขาดงานเนื่องจากงานซึ่งทำให้เขาต้องเดินทางบ่อย เธอจึงทำงานที่ยากที่สุดและทำให้ดูเหมือนง่าย การทำอาหารทำความสะอาดไม่ใช่งานเดียวของแม่บ้าน

ฉันจะบอกให้คุณรู้ มันยังสร้างชีวิตให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ทุกคนที่อยู่ในบ้าน เลี้ยงลูกว่าควรจะเลี้ยงดูอย่างไร เป็นผู้นำด้านการเงิน จ่ายบิล และบริหารบ้านที่มีฟังก์ชั่นครบครันด้วยความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

เมื่อผู้ชายแลกเปลี่ยนบทบาทเหล่านี้กับผู้หญิงและกลายเป็นสามีบ้านหรือ SAHD พวกเขากำลังเปิดใช้งานบทบาทที่มีอำนาจสำหรับผู้ชายทุกคนที่ต้องการเข้าใจว่า 'สตรีนิยม' คืออะไรหรือเข้าใจบทบาททางเพศและไม่ได้จำกัด อัตลักษณ์ทางเพศบางประเภทอย่างชัดเจน บทความ"กางเกงทอม"

ตอนนี้ SAHds อาจแตกต่างจากสามีบ้าน ความรับผิดชอบเพียงอย่างเดียวของ SAHDs คือการดูแลเด็ก ๆ ขณะดูแลบ้าน ในขณะที่สามีบ้านอาจไม่มีลูกให้ดูแลและเขาเต็มใจหรือทำงานจากที่บ้านในฐานะนักแปลอิสระ

SAHD เลิกอาชีพการงานเพื่อดูภรรยาของเขาบรรลุเป้าหมายในอาชีพการงาน เพราะเธอไม่สามารถหรือไม่ต้องการออกจากงาน แต่เธอก็ไม่สามารถอุทิศเวลาให้กับลูกๆ ของเธอได้เช่นกัน SAHD ก้าวขึ้นมาและรับผิดชอบต่อสถานการณ์ และมีบทบาทที่พลิกผันอย่างมากที่นั่น

ดังนั้น ในกรณีที่คุณรู้สึกว่าคุณกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางนั้นหรือต้องการช่วยภรรยาของคุณด้วยการทำงานจากที่บ้านและดูแลบ้าน แนวคิดเรื่อง พ่ออยู่บ้าน นั้นค่อนข้างยอดเยี่ยม และนี่คือเหตุผล:

(1) พวกเขาละทิ้งอาชีพการเป็น SAHds
แนวคิดของ SAHD คือการที่เขาอยู่บ้านกับลูกๆ และไม่หันหลังให้กับความรับผิดชอบขั้นพื้นฐาน พ่อแม่ที่ทำงานบางคนปล่อยให้ลูก ๆ อยู่ในความดูแลของพี่เลี้ยงหรือสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีชื่อเสียงในขณะที่พวกเขาไปทำงาน ในขณะที่บางคนต้องการใบหน้าที่คุ้นเคยเมื่ออยู่กับลูกๆ ตลอดเวลา นี่คือช่วงเวลาที่แม่หรือพ่อตัดสินใจลาออกจากงานและอยู่บ้านกับลูกๆ

หากพ่อตัดสินใจและต้องการให้ภรรยาของเขาทำงานต่อไป มันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นที่ผู้ชายต้องลาออกจากงานตามคำพูด เขาสามารถทำงานอิสระจากที่บ้านและดูแลลูกๆ และบ้านได้พร้อมกัน

(2) พวกเขากำหนดบทบาททางเพศใหม่
ย้อนกลับไปในสมัยนี้ แนวคิดนี้ค่อนข้างจะค่อนข้างแปลก แต่วันนี้ มันไม่แปลกอีกต่อไปแล้ว ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น บทบาททางเพศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ และชายและหญิงต่างก็เข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลง

พ่อที่อยู่บ้านเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนบทบาททางเพศและพวกเขากำลังทำลายอุปสรรคในวันนี้ เนื่องจากมีคุณแม่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มุ่งหน้าไปทำงานและพ่อมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเด็กและครอบครัว

(3) พวกเขาฆ่าแนวคิดของปรมาจารย์
อินเดียไม่เรียบร้อยด้วยกฎของปิตาธิปไตยตั้งแต่เราจำได้และปิตาธิปไตยเมื่อแนวคิดลดความเท่าเทียมกันในสังคมของเรา

สิ่งที่ SAHD ทำคือทำลายกระแสที่ปิตาธิปไตยได้ก่อตัวขึ้นและทำให้แนวคิดของการเท่าเทียมกันลดลง ด้วยการขาดแม่จากบ้านในระหว่างวัน เด็ก ๆ เห็นพ่อของพวกเขาโผล่ออกมาเป็นผู้ดูแลและปลูกฝังความคิดในการเลี้ยงดูในตัวพวกเขา

เด็กๆ เรียนรู้ความรับผิดชอบที่เท่าเทียมกันตั้งแต่อายุยังน้อย และพวกเขาไม่ได้มองว่าพ่อเป็นผู้หาเลี้ยงชีพเพียงคนเดียว พวกเขาเข้าใจถึงบทบาทอันทรงพลังของทั้งชายและหญิงในสังคม และยังเข้าใจแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมกันอีกด้วย

(4) เด็กเรียนรู้มากมายจาก SAHDs ของพวกเขา
เมื่อโตมากับผู้ชายในบ้าน เด็กๆ เรียนรู้มากมายและเข้าใจความเป็นชายไม่ใช่แค่หาเงินและทำงานหนัก แต่ยังมีความรับผิดชอบ เช่น ทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลความต้องการ จัดการกับพวกรังแกหรือ แม้กระทั่งไปประชุมผู้ปกครอง-ครู

เด็กชายที่โตมากับพ่อที่บ้านจะเรียนรู้ที่จะเมตตาและเข้าใจผู้หญิงโดยอัตโนมัติ เพราะเขารู้ว่าการเป็นผู้หญิงเป็นอย่างไร เมื่อเขาเห็นภรรยาทำงานคนเดียวในครัวในอนาคต เขาจะแบ่งปันความรับผิดชอบของเธออย่างเท่าเทียมกัน

เด็กยังได้เรียนรู้ว่าการมี SAHD ทั้งสองเพศสามารถมีอาชีพได้ ทั้งสองเพศสามารถอยู่บ้านได้ และทั้งสองเพศสามารถกระจายความรับผิดชอบอย่างเท่าเทียมกันและไม่มีอะไรกำหนดได้จริงๆ

(5) พลังของพ่อ-ลูกมีประโยชน์มากกว่า
ในกรณีส่วนใหญ่ เด็กมักจะดูถูกพ่อ นี่เป็นเพราะบทบาททางเพศโดยธรรมชาติ ฉันจำได้ว่าฉันเคยพบพ่อของฉันหนึ่งครั้งใน 6 เดือนและรู้สึกทึ่งในตัวพ่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก การใช้เวลากับลูกชายหรือลูกสาวที่บ้านและสอนพวกเขาเกี่ยวกับวิถีชีวิตเป็นการบำบัดสำหรับทั้งพ่อและลูก

การวิจัยชี้ให้เห็นว่าเด็กอายุระหว่าง 7-30 เดือนตอบสนองต่อการถูกพ่อรับดีกว่าการถูกแม่มารับ เด็กมักจะเรียนรู้จากพ่อได้เร็วกว่าพ่อแม่เพราะว่าพ่อมักจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาส่วนใหญ่

ความเป็นพ่อมาถึงผู้ชายก็ต่อเมื่อพวกเขาเห็นลูกครั้งแรกเท่านั้น ไม่เหมือนแม่ที่รู้สึกเป็นแม่เมื่อลูกอยู่ในครรภ์ เมื่อชายคนหนึ่งใช้เวลากับลูกๆ ของเขา เขาจะได้เรียนรู้ว่าการเป็นพ่อเป็นอย่างไร และได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับลูกๆ ของเขา ซึ่งต่างจากพ่อที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตไปกับการทำงานและคิดถึงช่วงวัยดึกของลูกๆ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเด็กและพ่อ

พ่อที่อยู่บ้านได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่เพราะพวกเขาเป็นฮีโร่ที่ไม่มีผ้าคลุมอย่างแท้จริง! พวกเขายอมรับการระบุเพศได้ง่ายและไม่ต้องกังวลว่าสังคมจะรู้สึกอย่างไรกับบทบาทของพวกเขา

พวกเขาทำเพราะพวกเขารักครอบครัวและเราเชื่อว่าไม่มีอะไรน่าละอาย เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจที่ผู้ชายสามารถสนับสนุนบทบาทดังกล่าวและทำได้ดีเช่นกัน!